ฟิลเลอร์คืออะไร
ในวงการของการเสริมความงาม คงเคยได้ยินคำว่าการฉีดฟิลเลอร์กันมาบ้างแล้วนะคะ หรือบางคนอาจเคยได้สัมผัสประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์มาด้วยตัวเอง การฉีดฟิลเลอร์นั้นมักจะช่วยเพิ่มความมั่นใจจากสิ่งที่เรากังวลใจ ฟื้นฟูในส่วนร่องลึกต่างๆหรือต้องการเติมบางจุดให้กลับมาดีขึ้นและเพิ่มมิติของใบหน้า นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการล็อคอายุตัวเองให้เด็กและดูดีขึ้นโดยไม่ต้องจำเป็นต้องผ่าตัดศัลยกรรม
ฟิลเลอร์ คือ สารชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยเติมเต็มในชั้นผิวหนังของเราโดยไม่มีผลเสียต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งผลลัพธ์คือการเติมเต็มในส่วนร่องลึกหรือเติมส่วนต่างๆ ฟิลเลอร์จึงถูกผลิตมาเพื่อช่วยเติมในส่วนที่เราต้องการให้ร่องเหล่านั้นดูตื้นขึ้นและยังเพิ่มความมีมิติของใบหน้าโดยการเติมเต็มใบหน้าด้วยฟิลเลอร์ เช่น ฉีดฟิลเลอร์ให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้น หรือ เติมฟิลเลอร์ร่องแก้มให้กลับมาหน้าดูเต็มอิ่มฟูมากขึ้น
สารของฟิลเลอร์นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท แต่ละประเภทของสารนั้นมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหนและมีผลอะไรต่อร่างกายบ้าง
1. Temporary filler (ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว) ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะอยู่ในกลุ่มของ กรดไฮยารูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เราเรียกกันว่า HA ค่ะ ซึ่งสำหรับฟิลเลอร์ชนิดนี้จะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ระยะเวลาที่จะคงอยู่ได้ก็ประมาณ 6-12 เดือนค่ะ เป็นฟิลเลอร์ประเภทที่มีความปลอดภัยสูงสุด เมื่อย่อยสลายแล้ว จึงไม่มีสารตกค้างในผิวของเราค่ะ
2. Semi Permanent filler (ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร) ฟิลเลอร์ประเภทนี้ก็จะอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ประเภทชั่วคราวค่ะ คืออยู่ได้ราว 2-5 ปี มีส่วนผสมของแคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Hidroxyapatite) จึงเรียกว่าแคลเซียมฟิลเลอร์ค่ะ
3. Permanent filler (ฟิลเลอร์แบบถาวร) ฟิลเลอร์ประเภทนี้ จะไม่มีการย่อยสลายตัวเองค่ะ ได้แก่ พวกซิลิโคน พาราฟิน ดังนั้นหากฉีดฟิลเลอร์ประเภทนี้เข้าไป ในระยะยาว ก็อาจเกิดการไหลของฟิลเลอร์ได้ นึกภาพตามง่ายๆ นะคะ เช่นเราฉีดเติมให้ร่องแก้มเต็ม ต่อไปเมื่อผิวหนังของเราเกิดการเปลี่ยนแปลง เจ้าสารตัวนี้ก็จะไหลไปอยู่บริเวณอื่นแทน และถึงแม้ว่าเราจะนำออกจากร่างกาย ก็นำออกได้ไม่หมด ดังนั้นสารฟิลเลอร์ประเภทนี้จึงค่อนข้างเป็นอันตรายต่อร่างกายค่ะ และไม่แนะนำให้ใช้นะคะ
จากฟิลเลอร์ทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ก็สรุปได้ว่าฟิลเลอร์นั้นมีแบ่งการทำงานเป็นสองแบบ แบบที่ปลอดภัย และนิยมใช้กันทั่วไปคือ “ฟิลเลอร์ที่ร่างกายดูดซึมได้” และฟิลเลอร์ที่เป็นสารที่ไม่สามารถสลายได้คือ “ฟิลเลอร์ที่ร่างกายดูดซึมไม่ได้”
ฟิลเลอร์ที่ร่างกายดูดซึมได้ สำหรับฟิลเลอร์ที่ร่างกายดูดซึมได้นั้นจะมีแยกย่อยไปอีก 2 ชนิด ได้แก่
1.1 ฟิลเลอร์สารสังเคราะห์ ได้แก่
ฟิลเลอร์ในกลุ่มของ กรดไฮยาลูรอนิก หรือ HA ซึ่งสารตัวนี้จะเมื่อรวมกับน้ำแล้ว จะมีความพองฟูคล้ายกับเจล เมื่อนำไปฉีดใต้ชั้นผิวหนัง ก็ช่วยให้ผิวหนังมีความเต่งตึง สำหรับฟิลเลอร์ตัวนี้ เป็นตัวเดียวที่ได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและ หรือ อย. ของประเทศไทยให้การรับรองความปลอดภัยค่ะ
แคลเซียมฟิลเลอร์ สารชนิดนี้มากจาก แคลเซียม ไฮดรอกซีอาพาไทท์ CaHA (Calcium Hydroxyapatite) ค่ะ ดังนั้นฟิลเลอร์ชนิดนี้จึงเหมาะแก่การเติมเต็มเป็นอย่างมากค่ะ นอกจากฉีดใบหน้าและมือแล้ว ยังฉีดเพื่อเสริมหน้าอกได้อีกด้วยค่ะ ด้วยคุณสมบัติของสาร CaHA เมื่อฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิวแล้ว สารจะเปลี่ยนไปเหมือนกับแคลเซียมของกระดูก ซึ่งการฉีดด้วย แคลเซียมฟิลเลอร์นี้ สามารถอยู่ได้ถึง 2 ปี เลยค่ะ
กรดโพลี แอล แลคติก (Poly L lactic acid) สำหรับฟิลเลอร์ชนิดนี้ จะมีคุณสมบัติที่อุ้มน้ำ และเข้ากับเนื้อเยื่อขอร่างกายเราได้ค่ะ และย่อยสลายได้เหมือนกับกรดไฮยาลูรอนิก แตกต่างกันตรงที่ กรดโพลี แอล แลคติก นั้น สามารถอยู่ได้นานกว่า โดยจะอยู่ได้ประมาณ 2-4 ปีค่ะ
1.2 ฟิลเลอร์จากร่างกายของคนไข้
สำหรับฟิลเลอร์ที่ได้จากร่างกายของคนไข้เองก็คือ ไขมันในร่างกายนั่นเองค่ะ จึงเรียกกันว่าการฉีดไขมัน หรือ Fat Grafting โดยไขมันนั้น จะนำมาจากบริเวณหน้าท้อง หรือต้นขาค่ะ ซึ่งก่อนจะนำไขมันมาฉีดได้ก็ต้องผ่านกระบวนการดูดไขมันออกจากร่างกายก่อน แล้วจึงนำไขมันนั้นไปฉีดในส่วนที่เราต้องการให้ผิวเต็มขึ้น การฉีดไขมันนี้ จะเป็นลักษณะการฉีดฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรนะคะ คือสามารถอยู่ได้ยาวนานหลายปี ถ้าได้รับการดูแลที่ดีหลังการฉีด เป็นการปลูกถ่ายไขมันจากจุดหนึ่งไปอยู่ในอีกจุดหนึ่งของร่างกาย บางครั้งไขมันนั้นจึงอาจไม่ติดในครั้งแรกๆ ที่ฉีด จึงอาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้งค่ะ และต้องมีวิธีดูแลอย่างถูกวิธีด้วยไม่อย่างนั้น ไขมันนั้นจะย่อยสลายไปอยู่ได้ไม่นานค่ะ
ฟิลเลอร์ที่ร่างกายดูดซึมไม่ได้
โพลีเมธิลเมธาไครเลต บีทส์ (Polymethylmethacrylate beats) หรือ PMMA microspheres สำหรับสารชนิดนี้นั้น สามารถเข้ากับเนื้อเยื่อในร่างกายคนเราได้ค่ะ เพียงแต่จะไม่มีการย่อยสลายไป หลังจากฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้แล้ว ก็จะอยู่ในร่างกายเราตลอด ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้นะคะ เพราะจะมีผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว การนำออกจากร่างกายนั้นทำได้ยากต้องทำการผ่าตัดเนื้อเยื่อบริเวณนั้นออกเลยค่ะ สารชนิดนี้ได้แก่พวก ซิลิโคน และพาราฟินค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายหรือไม่
ในการฉีดฟิลเลอร์นั้น หากใช้ชนิดที่เป็นสาร HA ก็เรียกได้ว่ามีความปลอดภัยและไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ แต่ก็มีบ้างสำหรับในบางท่านที่เกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ ในส่วนของผู้ที่แพ้ฟิลเลอร์นั้นอาจแสดงอาการให้เห็นในช่วง 6 เดือนแรก เช่น มีอาการผื่นคัน บวม แดง ถ้าเกิดอาการเหล่านี้สามารถทานยาแก้อักเสบเพื่อรักษาได้ค่ะ แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีแนวโน้มว่าจะแย่ลง ควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ออกไป ทั้งนี้อันตรายที่พบเห็นจากการฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน เห็นว่าราคาถูกก็ฉีด ผลของการได้รับสารฟิลเลอร์ปลอมจะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเกิดการอักเสบและทำให้เส้นเลือดบริเวณนั้นอุดตัน จนเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้นได้ จนทำให้เนื้อตายในที่สุด ดังนั้นอย่าเห็นแก่ของถูกนะคะ ควรเลือกสถานที่ที่ได้มาตรฐาน และคุณหมอที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยตรง เพราะถึงแม้ว่าฟิลเลอร์จะดีและมีความปลอดภัย แต่บางครั้งถ้าคุณหมอไม่ชำนาญด้านนี้จริงๆ อาจฉีดแล้วไม่ smooth ทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนได้เช่นกันค่ะ
ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
ควรงดการใช้ยาหรือทำสิ่งเหล่านี้ค่ะ งดทานยาแอสไพริน, NSAIDs งดทานวิตามิน ไม่ควรใช้ยาสำหรับทาเพื่อผลัดเซลล์ผิว และงดการแว็กซ์ ถอน หรือโกนขน บริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ งดการยิงเลเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงงดการนวดหน้าด้วยค่ะ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
• ช่วยทำให้ดูอ่อนกว่าไว เห็นผลทันทีหลังจากที่ฉีด ไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรมอื่นๆ
• การฉีดฟิลเลอร์ (ตัวที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย.) เป็นการเติมเต็มผิวให้ดูเต่งตึงมากขึ้นและเรียกได้ว่ามีความปลอดภัยสูง
• ใช้เวลาไม่นาน หลังจากฉีดแล้วไม่มีรอย ไม่มีแผลเป็น
• ถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ มากกว่าการใช้วิธีอื่นในการเติมเต็มผิว
• ไม่ต้องเสี่ยงกับการต้องวางยาสลบเหมือนกับการผ่าตัด
บริเวณใดในร่างกายบ้างที่คนนิยมฉีดฟิลเลอร์
บริเวณที่คนนิยมทำการฉีดฟิลเลอร์กันมาก ได้แก่ ใต้ตา หน้าผาก ร่องแก้ม ขมับ และคางค่ะ เพราะฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มและปรับในส่วนต่างๆ ที่ฉีดได้ เช่น หน้าผากแบน เมื่อฉีดจะทำให้หน้าผากนูนสวย ดูมีมิติ หรือจะเป็นในส่วนของแก้มที่ตอบเกินไป ก็ฉีดให้ผิวหน้าดูเต็มขึ้นมา ดังนั้น ฟิลเลอร์จึงนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะมีความปลอดภัยสูง แต่อย่างไรก็ดี ขอย้ำว่าควรเลือกสถานเสริมความงามที่ได้รับการรับรองรวมไปถึงคุณหมอที่มีประสบการณ์ด้วยค่ะ ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น แค่ฉีดฟิลเลอร์ก็สวยได้แล้ว