ซิลิโคนแตก อาการหลังเสริมหน้าอกที่ไม่ควรมองข้าม
การเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมที่สาวๆหลายคนนิยม เพราะเป็นศัลยกรรมที่ทำให้บุคลิกเปลี่ยนได้ทันที รวมถึงช่วยสร้างความมั่นใจได้ในหลายๆมิติ แต่การศัลยกรรมหน้าอกก็มีสิ่งที่ต้องระวังและดูแล เช่น การเกิดพังผืดที่หน้าอก และปัญหาใหญ่อย่าง ซิลิโคนแตก หรือ รั่วซึม ที่จะทำให้ทรงหน้าอกของเราเสียทรงได้ นอกจากนี้อาจจะมีผลต่อสุขภาพของคนไข้อีกด้วย จึงมีคำถามเกี่ยวกับอาการนี้จากสาวๆหลายท่านว่า ซิลิโคนแตกเป็นอย่างไร? อันตรายขนาดไหน? สาเหตุที่ทำให้ซิลิโคนแตก? และเราจะรักษาหรือป้องกันได้อย่างไร? ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีสังเกตและสาเหตุ รวมถึงรักษาหากซิลิโคนแตกให้ฟังกันค่ะ
ซิลิโคนแตกเป็นยังไง อันตรายไหม
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ซิลิโคนมีด้วยกัน 2 แบบคือ ซิลิโคนแบบถุงน้ำเกลือ และซิลิโคนแบบเจล และทั้ง 2 แบบนี้เมื่อซิลิโคนแตกจะมีผลลัพธ์ที่ต่างกัน คือ
- ซิลิโคนแบบถุงน้ำเกลือ เป็นซิลิโคนแบบเก่าที่สามารถเติมน้ำเกลือได้ แต่ถ้าเกิดการแตกหรือรั่วซึม จะไม่เป็นอันตรายมากนัก เนื่องจากร่างกายของเราสามารถดูดซึมน้ำเกลือได้ แม้ว่าจะดูไม่อันตรายแต่เมื่อซิลิโคนแตกแต่ก็ควรพบแพทย์เมื่อรู้ว่าเกิดอาการนี้ เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย
- ซิลิโคนแบบเจล เป็นซิลิโคนแบบใหม่ที่หนาและคงตัวมากกว่าแบบถุงน้ำเกลือ แต่หากเกิดการแตกหรือรั่วซึม จะค่อนข้างอันตราย เพราะสิ่งที่อยู่ด้านในถือเป็นวัตถุแปลกปลอมของร่างกาย และเมื่อเกิดการแตก รั่วซึมออกมาอาจจะส่งผลให้เกิดพังผืดใต้ผิวหนังที่หน้าอก หรือต่อมน้ำเหลือหลั่งออกมาเพื่อจับสิ่งแปลกปลอมอย่างซิลิโคนส่งผลให้กลายเป็นก้อนต่อมน้ำเหลืองได้ ซึ่งค่อนข้างอันตรายต่อร่างกายหรือชีวิตได้
สาเหตุที่ซิลิโคนแตก
แล้วสาเหตุหลักการแตกของซิลิโคนมีอะไรบ้าง มาชมกันเลยค่ะ
- ซิลิโคนไม่ได้มาตราฐาน
การศัลยกรรมหน้าอกสิ่งที่เราพลาดไม่ได้คือการเลือกวัสดุซิลิโคนที่มีคุณภาพ เพราะหากเราเลือกวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ หรือคุณภาพต่ำ อาจจะเกิดการรั่วซึมหรือซิลิโคนแตกได้นั่นเอง การเลือกวัสดุคุณภาพดีจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากวัสดุเหล่านี้จะทนต่อแรงดันสูงได้ มีความยืดหยุ่นที่ดีกว่ารวมถึงทนต่อแรงกระแทกได้ นอกจากนี้ยังทนต่ออุณหภูมิที่แปรปรวนทั้งสูงและต่ำได้เป็นอย่างดี
- อายุของซิลิโคน
สำหรับคนไข้ที่เสริมหน้าอกมาเป็นเวลานานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป วัสดุซิลิโคนที่ใช้แม้ว่าจะเป็นวัสดุทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ แต่ด้วยข้อจำกัดการแพทย์ในอดีต อาจจะทำให้วัสดุซิลิโคนเสื่อมสภาพได้ตามกาลเวลา และเสี่ยงเกิดซิลิโคนแตกหรือรั่วซึมได้ ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำให้คนไข้ที่ศัลยกรรมหน้าอกมานานกว่า 10 ปีเข้ารับการอัลตราซาวนด์ เพื่อตรวจสอบความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้
- การผ่าตัดเสริมหน้าอกจากศัลยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ
การเลือกคลีนิคและทีมศัลยแพทย์ ถือเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกถ้าทำโดยทีมแพทย์ที่ไม่ชำนาญ อาจจะส่งผลเสียต่างร่างกายเราอย่างซิลิโคนเกิดแตก หรือ รั่วซึม และผลถึงชีวิตได้อีกด้วย ดังนั้นควรเลือกคลีนิคที่ได้รับการรับรอง มีใบอนุญาต หรือดูจากรีวิวของคนไข้ที่เคยใช้บริการ ก่อนเลือกศัลยกรรมเพื่อเลี่ยงการศัลยกรรมที่ไม่ได้คุณภาพ
อาการและวิธีรักษาหากซิลิโคนแตก
โดยเมื่อศัลยกรรมหน้าออกมาแล้ว สามารถสังเกตว่าซิลิโคนของเราแตกได้ง่ายๆ คือ หน้าหน้าอกทรงผิดไปจากเดิม และขนาดหน้าอกไม่เท่ากันตามปกติ หรือรู้สึกเจ็บ แสบ และมีอาการบวมแดงที่หน้าอก รวมถึงรู้สึกชาและหน้าอกแข็งขึ้น หรือมีก้อนใต้หน้าอก อาการเหล่านี้ถือว่า เสี่ยงที่ซิลิโคนแตก หรือ รั่วซึม นั่นเอง
สำหรับวิธีการรักษาอาการซิลิโคนแตก หรือ รั่วซึม คือ ผ่าตัดซิลิโคนออก และ ผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคน ซึ่งผลของการผ่าตัด ถ้าหากเปลี่ยนซิลิโคนอาจจะไม่มีผลกับขนาดหน้าอกมากนัก แต่ถ้าเป็นการนำซิลิโคนออกเลย อาจจะส่งผลกับขนาดหน้าอก เนื่องจากบางคนเลือกเสริมซิลิโคนขนาดใหญ่ จนทำให้เนื้อเต้านมขยายออก ซึ่งผิวของหน้าอกอาจจะเกิดการหย่อนคล้อยได้นั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีอาการอีกมากมายที่ทำให้ต้องนำซิลิโคนออก เช่น ซิลิโคนเคลื่อนที่ หรือ เกิดริ้วรอยที่หน้าอก เป็นต้น ดังนั้นการศัลยกรรมหน้าอก จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและตัดสินใจเลือกคลินิก ทีมแพทย์ ที่มีความชำนาญและมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง เพื่อให้การเสริมหน้าอกของเราในครั้งนี้เจ็บ แต่จบและสวยได้ในครั้งเดียว รวมถึงเมื่อศัลยกรรมมาแล้วควรดูแลและรักษาหน้าอก เพื่อลดปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย